ป้ายกำกับ: Technical SEO

Entity SEO คืออะไร
Posted by admin

Entity SEO คืออะไร? วิธีสร้างความเข้าใจให้ AI เห็นเว็บคุณเป็นผู้เชี่ยวชาญ

SEO

เรียนรู้แนวคิด Entity SEO วิธีทำให้ AI เข้าใจว่าเว็บคุณพูดถึงอะไรจริง ๆ ด้วย Schema, Internal Link และ Trust Graph เพื่อให้เว็บติดในผลลัพธ์ AI Search และ SGE ได้อย่างมั่นคง

เมื่อ “คำ” ไม่พออีกต่อไปในยุค AI Search

คุณรู้ไหมว่า…
ทุกครั้งที่คุณเขียนบทความ SEO ด้วยคีย์เวิร์ดอย่างเดียว — AI ของ Google หรือ ChatGPT
อาจไม่เข้าใจเลยว่าคุณพูดถึงอะไรจริง ๆ

เพราะ AI Search ยุคใหม่ไม่ได้ “จับคำ” แบบตรง ๆ อีกแล้ว
แต่มันใช้ระบบที่เรียกว่า “Entity Understanding”
หรือการเข้าใจ “สิ่ง” ที่คำเหล่านั้นสื่อถึง

ดังนั้น ถ้าคุณอยากให้ AI เข้าใจว่า

“เว็บคุณคือผู้เชี่ยวชาญเรื่อง SEO, การตลาด, หรืออสังหาริมทรัพย์”

คุณต้องทำ Entity SEO (Search Engine Optimization for Entities)
เพื่อให้ระบบ AI เห็นเว็บของคุณเป็น “แหล่งข้อมูลจริง” ไม่ใช่แค่ “หน้าเว็บที่พูดถึงเรื่องนั้น”

Entity SEO คืออะไร

Entity SEO คืออะไร?

Entity SEO คือการทำ SEO โดยเน้นให้ระบบ AI หรือ Search Engine เข้าใจว่า

“คุณกำลังพูดถึงสิ่งใด (What) เกี่ยวข้องกับใคร (Who) และอยู่ในบริบทแบบไหน (Context)”

แทนที่จะมองแค่ “คีย์เวิร์ด” อย่างเดียว

ตัวอย่าง:

ถ้าคุณเขียนคำว่า “Apple”

  • สำหรับคนทั่วไปอาจหมายถึงผลไม้ 🍎

  • สำหรับ Google อาจหมายถึงบริษัทเทคโนโลยี 🍏

  • สำหรับ AI ที่ฉลาด มันจะเข้าใจจากบริบท เช่น “iPhone” = บริษัท Apple Inc.

นี่คือหัวใจของ Entity SEO
เพราะคุณกำลัง “สื่อสารกับระบบที่เข้าใจความหมายของคำ” ไม่ใช่แค่ตัวอักษร

ทำไม Entity SEO ถึงสำคัญในยุค AI Search

AI อย่าง Google SGE, ChatGPT Search หรือ Bing Copilot
ใช้โมเดลภาษา (LLM) ที่เรียนรู้จาก “ความสัมพันธ์ของข้อมูล”
ไม่ใช่แค่จำนวนคีย์เวิร์ด

ดังนั้น Entity คือรากฐานของความเข้าใจใน AI Search

  • AI จะเชื่อมโยงข้อมูลจากหลายแหล่งที่มี Entity เดียวกัน

  • ยิ่งเว็บของคุณ “เชื่อม Entity” ได้ชัดเจนเท่าไหร่

  • AI จะยิ่ง “เชื่อถือและดึงข้อมูลคุณไปใช้” มากขึ้น

💡 ตัวอย่าง: ถ้า SEOHeroth.com ถูกเชื่อมกับ Entity “SEO Knowledge Hub”
AI Search จะเห็นว่าเว็บนี้เป็น “ศูนย์ความรู้ SEO” และเลือกมาอ้างอิงในผลลัพธ์

ความสัมพันธ์ระหว่าง AI SEO และ Entity SEO

ประเภท AI SEO Entity SEO
จุดมุ่งหมาย ทำให้ AI เข้าใจเว็บทั้งหมด ทำให้ AI เข้าใจ “สิ่งที่คุณพูดถึง”
โฟกัส โครงสร้างเว็บ + เนื้อหา ความหมายของเนื้อหา + Schema
เครื่องมือ SGE, Gemini, ChatGPT Schema.org, Wikidata, NLP API
เป้าหมายสูงสุด ให้ AI แสดงเว็บคุณในผลลัพธ์ ให้ AI เห็นเว็บคุณเป็นผู้เชี่ยวชาญ

สรุป:

Entity SEO คือ “สมองของ AI SEO”
มันคือภาษาที่คุณต้องพูดกับ Search Engine ยุคใหม่

วิธีทำ Entity SEO ให้ AI เข้าใจเว็บคุณ

1. สร้าง “โครงสร้างความรู้” ของเว็บ (Knowledge Graph)

เริ่มจากวางโครงสร้างว่าเว็บคุณพูดถึงอะไร
เช่น SEOHeroth.com

  • AI SEO

  • Content SEO

  • Technical SEO

  • E-E-A-T SEO
    เชื่อมโยงกันด้วย Internal Link + Schema about/mentions

Tip: ใช้โครงสร้าง Topical Authority → บทความหลักเชื่อมบทความลูก → AI จะเห็นเป็น “กลุ่มความรู้”

2. ใช้ Schema.org เพื่อบอก AI ว่า “นี่คืออะไร”

Schema คือภาษาที่ AI เข้าใจโดยตรง

ตัวอย่าง:

{
"@context": "https://schema.org",
"@type": "Article",
"headline": "Entity SEO คืออะไร?",
"about": {
"@type": "Thing",
"name": "Entity SEO",
"sameAs": "https://en.wikipedia.org/wiki/Entity_(knowledge_representation)"
},
"mentions": [
{"@type": "Thing", "name": "AI SEO"},
{"@type": "Thing", "name": "Google SGE"},
{"@type": "Thing", "name": "Knowledge Graph"}
]
}

สิ่งนี้ช่วยให้ AI “ตีความ” เนื้อหาของคุณอย่างแม่นยำ

3. เชื่อมโยง Entity ด้วย Internal Link แบบมีโครงสร้าง

AI จะเข้าใจเว็บคุณว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ถ้าแต่ละหน้าเชื่อมโยงกันด้วยบริบท
ตัวอย่าง:

  • /ai-seo/ → /ai-seo/entity-seo/

  • /entity-seo/ → /technical-seo/schema-jsonld/

  • /entity-seo/ → /e-e-a-t-seo/

อย่าทำลิงก์แบบ “สุ่มโยง” ให้โยงเฉพาะที่ เกี่ยวข้องเชิงความหมาย (Semantic)

4. ใช้ “Named Entity” ในบทความ

เช่น

“Google”, “ChatGPT”, “OpenAI”, “Knowledge Graph”, “E-E-A-T”

เพราะระบบ NLP ของ AI จะจดจำชื่อเหล่านี้เป็น “Entity ระดับโลก”
และเชื่อมโยงเว็บคุณเข้ากับหมวดหมู่เดียวกัน

5. สร้าง Authority ผ่านการอ้างอิงแหล่งจริง (Reference + SameAs)

เพิ่มความเชื่อมโยงกับโลกภายนอก
เช่น

"sameAs": [
"https://en.wikipedia.org/wiki/Search_engine_optimization",
"https://developers.google.com/search/docs/fundamentals/structured-data"
]

AI จะเข้าใจว่าเว็บคุณ “อยู่ในวงการเดียวกัน” กับข้อมูลที่น่าเชื่อถือเหล่านี้

ตัวอย่าง: เว็บที่ใช้ Entity SEO แล้วติด SGE

เว็บไซต์ กลยุทธ์ Entity ผลลัพธ์
Backlinko เชื่อม Schema + Internal Entity Graph ติด AI Overview สำหรับคีย์ “SEO Techniques”
HubSpot ใช้ Entity ในทุกบทความผ่าน FAQ + How-to Schema ปรากฏใน Gemini และ ChatGPT Summary
SEOHeroth (แผน) ทำ Entity Mapping + Internal Graph + Author Schema ตั้งเป้าติด SGE สำหรับ “AI SEO” และ “Entity SEO”

ตัวอย่าง Prompt ที่ใช้ทำ Entity SEO กับ AI Tools

“ช่วยวิเคราะห์ Entity ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อ ‘AI SEO’ พร้อมระบุคำศัพท์หลักที่ควรใช้ในบทความ เพื่อให้สอดคล้องกับ Google Knowledge Graph”

คุณสามารถใช้กับ ChatGPT, NeuronWriter หรือ SurferSEO ได้เลย

Entity SEO + E-E-A-T = Trust Graph ที่ AI มองเห็น

AI ไม่ได้เลือกเว็บที่เขียนดีเท่านั้น
แต่เลือกเว็บที่ “น่าเชื่อถือ” และ “มีความสัมพันธ์จริงกับโลกความรู้”

ดังนั้น การทำ Entity SEO + E-E-A-T ร่วมกัน
คือวิธีสร้าง Trust Graph (กราฟแห่งความน่าเชื่อถือ)
ที่ทำให้ AI รู้ว่า

“นี่คือเว็บไซต์ผู้เชี่ยวชาญตัวจริง ไม่ใช่เว็บสปินคอนเทนต์”

Entity SEO คือภาษาที่ AI เข้าใจ

ถ้า AI SEO คือ “การทำให้เว็บคุณถูกเข้าใจโดย AI”
Entity SEO ก็คือ “การสอนให้ AI รู้ว่าเว็บคุณพูดเรื่องอะไรจริง ๆ”

ใครที่เข้าใจและใช้ Entity SEO ก่อน
จะกลายเป็นเว็บที่ AI Search ดึงข้อมูลบ่อยที่สุดในยุคต่อไป

แนะนำอ่านต่อ

อยากเริ่มทำ Entity SEO แต่ไม่รู้จะเริ่มตรงไหน?

🔍 ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญฟรี
👉 ทักไลน์: https://lin.ee/EoOFKLe
ทีม SEOHeroth จะช่วยวางโครงสร้าง Entity SEO ให้เว็บคุณ “พูดภาษาเดียวกับ AI”

AI SEO
Posted by admin

AI SEO คืออะไร? กลยุทธ์ SEO ยุคใหม่ที่ต้องเข้าใจก่อนเว็บคุณจะหายจาก AI Search

SEO

AI Search และ Google SGE กำลังเปลี่ยนวิธีจัดอันดับผลลัพธ์ SEO มารู้จักแนวคิด “AI SEO” วิธีทำให้เว็บคุณเข้าใจได้โดย AI พร้อมเทคนิคใช้ Schema, Entity, และ E-E-A-T อย่างถูกต้อง

เมื่อ AI เปลี่ยนเกม SEO ทั้งระบบ

ช่วงปี 2024–2025 โลกของ SEO กำลังพลิกโฉมครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 20 ปี
Google ไม่ได้เป็นแค่เครื่องมือค้นหาอีกต่อไป — แต่มันคือ “ระบบผู้ช่วยอัจฉริยะ” ที่สร้างคำตอบให้ผู้ใช้ผ่าน AI Search (Search Generative Experience หรือ SGE)

นั่นหมายความว่า…
แม้เว็บของคุณจะยังอยู่หน้าแรก Google แบบเดิม แต่ AI อาจไม่เลือกข้อมูลจากคุณไปแสดงในคำตอบสรุป (AI Overview) อีกต่อไป

เพราะตอนนี้ การทำ SEO ไม่ใช่เรื่องของ “ใครใส่คีย์เวิร์ดเยอะกว่า”
แต่เป็นเรื่องของ “ใครที่ AI เข้าใจว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนั้นจริง”

และนี่คือจุดเริ่มต้นของแนวคิดใหม่ที่เรียกว่า

AI SEO — การทำ SEO เพื่อให้ AI เข้าใจเว็บคุณได้เหมือนมนุษย์

AI SEO

AI SEO คืออะไร?

AI SEO (Artificial Intelligence Search Optimization)
คือการทำ SEO ที่ออกแบบเพื่อให้ระบบ AI ของ Search Engine (เช่น Google SGE, Bing Copilot, ChatGPT Search, Gemini)
เข้าใจบริบท (Context), ความหมาย (Semantic), และความเชื่อมโยง (Entity)
ของเนื้อหาในเว็บไซต์ได้อย่างถูกต้อง

ต่างจาก SEO เดิมที่มุ่งเน้น “คีย์เวิร์ด” และ “ลิงก์ย้อนกลับ”
AI SEO มุ่งเน้น “ความเข้าใจ” และ “ความน่าเชื่อถือ” ของข้อมูล

เปรียบเทียบ SEO เดิม vs AI SEO

หัวข้อ SEO แบบเดิม AI SEO ยุคใหม่
โฟกัสหลัก คีย์เวิร์ด ความหมาย (Entity)
วัดผล อันดับคีย์เวิร์ด การปรากฏใน AI Overview / SGE
เนื้อหา Keyword Density Semantic Context + E-E-A-T
ลิงก์ภายใน Anchor Text Topical Graph
การมองของระบบค้นหา จับคำ ทำความเข้าใจ “ความรู้”
Schema ไม่จำเป็น จำเป็นอย่างยิ่ง

Entity คือหัวใจของ AI SEO

AI Search ไม่ได้ “อ่านคำ” แบบเดิมอีกต่อไป
แต่จะ “ตีความหมาย” ของคำนั้นผ่านสิ่งที่เรียกว่า Entity (หน่วยข้อมูล)

ตัวอย่าง:

“SEOHeroth” ไม่ใช่แค่คำ แต่คือ “เว็บไซต์เชิงความรู้ด้าน SEO สำหรับ AI Search”

AI จะเข้าใจ “SEOHeroth.com” เป็นหนึ่งใน Entity ใน Knowledge Graph
ซึ่งหมายความว่า เมื่อมีคนค้นว่า “AI SEO คืออะไร”
ระบบจะรู้ว่า “SEOHeroth.com” เป็นแหล่งข้อมูลน่าเชื่อถือในเรื่องนั้น

สรุป:

ถ้าเว็บของคุณไม่มี “โครงสร้างข้อมูลที่ทำให้ AI เข้าใจว่า คุณคือใคร / เชี่ยวชาญเรื่องอะไร”
เว็บคุณอาจ “หายไปจากผลลัพธ์ AI Search” แม้ยังอยู่ในผลลัพธ์ปกติ

AI Search (SGE / ChatGPT / Gemini) ทำงานอย่างไร?

AI Search อย่าง Google SGE ไม่ได้แค่ดึงเว็บมาเรียงตามคะแนน SEO อีกแล้ว
แต่มัน “อ่านหลายบทความ” → “สรุปเนื้อหา” → “สร้างคำตอบแบบ AI Generated”

ขั้นตอนการทำงานของ SGE (Simplified):

  1. รวบรวมข้อมูลจากหลายแหล่งที่เชื่อถือได้

  2. วิเคราะห์ความสัมพันธ์ของข้อมูล (Entity, Concept, Context)

  3. สร้างสรุปคำตอบโดยใช้โมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM)

  4. แสดงเนื้อหาสรุป (AI Overview) พร้อมลิงก์บางส่วนที่เกี่ยวข้อง

👉 ซึ่ง AI จะเลือกแหล่งข้อมูลจากเว็บที่ “โครงสร้างดี + มี Authority + มี Schema”
ดังนั้นเว็บที่ไม่ได้ใช้ Schema / ไม่มี E-E-A-T / เขียนแบบสปินเนื้อหา
จะถูก “อ่าน” แต่ไม่ถูก “แสดง” อีกต่อไป

⚙️ ปัจจัยหลักของ AI SEO ที่คุณต้องทำให้ได้

1.  Content ต้องเข้าใจได้แบบ Contextual

AI ต้องเข้าใจว่าคุณ “พูดเรื่องอะไร” โดยไม่ต้องเจอคีย์เวิร์ดตรงตัว
ใช้แนวคิด Topic > Subtopic > Context
เช่น

“AI SEO” → “Entity Optimization” → “Schema Implementation”

ใช้ภาษาที่คนอ่านรู้เรื่อง และเชื่อมโยงกับบริบทจริง เช่น

  • อธิบาย “ทำไม” มากกว่า “คืออะไร”

  • ใช้ตัวอย่างจริง

  • สร้าง “ความสัมพันธ์ระหว่างแนวคิด” ภายในบทความ

2.  Schema & JSON-LD คือกุญแจสำคัญ

Schema คือ “ภาษาที่ AI เข้าใจ”
เว็บไซต์ที่ติด SGE ส่วนใหญ่มีการใช้ Schema หลายแบบ เช่น

  • Article, FAQ, Author, Organization, Breadcrumb, WebPage

  • ใช้ @id, about, mentions, sameAs เพื่อบอกว่าเนื้อหานี้เกี่ยวข้องกับอะไร

ตัวอย่างการใช้ Schema เพื่อบอก Entity:

"about": {
"@type": "Thing",
"name": "AI SEO",
"sameAs": "https://en.wikipedia.org/wiki/Search_engine_optimization"
}

3.  E-E-A-T คือรากฐานความน่าเชื่อถือ

AI จะเลือกเนื้อหาจากผู้เขียนที่ “พิสูจน์ได้ว่าเชี่ยวชาญจริง”
ดังนั้นทุกบทความควรมี:

  • Author Schema + Bio จริง

  • อ้างอิงจากเว็บหรือเอกสารน่าเชื่อถือ

  • มีประสบการณ์ตรง (Experience)

  • มีชื่อเสียงในหัวข้อ (Expertise)

4. Internal Link + Topical Graph

SEO แบบใหม่ไม่ใช่ “ลิงก์ Anchor เดิม ๆ”
แต่เป็นการสร้าง “กราฟความรู้” (Knowledge Graph)
ที่เชื่อมโยงบทความทั้งหมดภายใต้หัวข้อเดียวกัน

ตัวอย่าง:
AI SEO → Entity SEO → Schema JSON-LD → E-E-A-T SEO

การทำแบบนี้จะช่วยให้ AI เข้าใจว่า

เว็บของคุณคือ “Authority” ในหมวด AI SEO

5.  Performance + Crawl Structure

AI จะประเมิน “ความน่าเชื่อถือ” จากประสบการณ์ใช้งานเว็บ (UX)
ดังนั้นต้องปรับ Core Web Vitals ให้ดี เช่น

  • LCP < 2.5s

  • CLS < 0.1

  • INP < 200ms
    รวมถึงตั้งค่า Sitemap, Robots.txt, และ Canonical ให้ชัดเจน

เครื่องมือที่ช่วยคุณทำ AI SEO ได้เร็วขึ้น

ประเภท เครื่องมือแนะนำ ใช้ทำอะไร
Content Optimization NeuronWriter, Surfer SEO, MarketMuse วิเคราะห์ Intent, Entity
AI Writer ChatGPT, Claude, Gemini สร้าง Outline / Research
Technical SEO Google NLP API, Screaming Frog ตรวจจับ Entity และ Schema
Monitoring Search Console, GA4, Ahrefs ติดตามการมองเห็นใน AI Search

ตัวอย่างกลยุทธ์ AI SEO ที่ใช้ได้จริง

Case 1: เพิ่ม Schema + FAQ → ติด AI Overview

เว็บไซต์ข่าวเทคโนโลยีไทยเพิ่ม Article + FAQ Schema
จากนั้นอัปเดตเนื้อหาให้เชื่อมโยง Wikipedia → ติดในผลลัพธ์ SGE ภายใน 2 สัปดาห์

Case 2: เพิ่ม Entity Mapping ด้วย Internal Link

เว็บ SEOHeroth ใช้กลยุทธ์เชื่อม Entity เช่น
AI SEO ↔ Entity SEO ↔ E-E-A-T SEO
ช่วยให้ระบบเข้าใจโครงสร้างความรู้ของเว็บ และจัดให้อยู่ในกลุ่ม “ผู้เชี่ยวชาญ SEO ยุค AI”

สรุป: AI SEO คือการ “ทำให้ AI เข้าใจเว็บคุณเหมือนคน”

ยุคนี้ การทำ SEO ไม่ใช่เรื่องของการเอาชนะอัลกอริทึม
แต่คือการ “สื่อสารกับระบบปัญญาประดิษฐ์ให้เข้าใจสิ่งที่คุณเชี่ยวชาญจริง ๆ”

ใครที่ยังติดกับดัก “คีย์เวิร์ด” และ “Backlink ปลอม”
จะถูกทิ้งไว้ข้างหลังโดยเว็บที่เข้าใจ “AI และ Entity” ก่อนใคร

แนะนำอ่านต่อ