AI SEO คืออะไร? กลยุทธ์ SEO ยุคใหม่ที่ต้องเข้าใจก่อนเว็บคุณจะหายจาก AI Search
AI Search และ Google SGE กำลังเปลี่ยนวิธีจัดอันดับผลลัพธ์ SEO มารู้จักแนวคิด “AI SEO” วิธีทำให้เว็บคุณเข้าใจได้โดย AI พร้อมเทคนิคใช้ Schema, Entity, และ E-E-A-T อย่างถูกต้อง
เมื่อ AI เปลี่ยนเกม SEO ทั้งระบบ
ช่วงปี 2024–2025 โลกของ SEO กำลังพลิกโฉมครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 20 ปี
Google ไม่ได้เป็นแค่เครื่องมือค้นหาอีกต่อไป — แต่มันคือ “ระบบผู้ช่วยอัจฉริยะ” ที่สร้างคำตอบให้ผู้ใช้ผ่าน AI Search (Search Generative Experience หรือ SGE)
นั่นหมายความว่า…
แม้เว็บของคุณจะยังอยู่หน้าแรก Google แบบเดิม แต่ AI อาจไม่เลือกข้อมูลจากคุณไปแสดงในคำตอบสรุป (AI Overview) อีกต่อไป
เพราะตอนนี้ การทำ SEO ไม่ใช่เรื่องของ “ใครใส่คีย์เวิร์ดเยอะกว่า”
แต่เป็นเรื่องของ “ใครที่ AI เข้าใจว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนั้นจริง”
และนี่คือจุดเริ่มต้นของแนวคิดใหม่ที่เรียกว่า
AI SEO — การทำ SEO เพื่อให้ AI เข้าใจเว็บคุณได้เหมือนมนุษย์
AI SEO คืออะไร?
AI SEO (Artificial Intelligence Search Optimization)
คือการทำ SEO ที่ออกแบบเพื่อให้ระบบ AI ของ Search Engine (เช่น Google SGE, Bing Copilot, ChatGPT Search, Gemini)
เข้าใจบริบท (Context), ความหมาย (Semantic), และความเชื่อมโยง (Entity)
ของเนื้อหาในเว็บไซต์ได้อย่างถูกต้อง
ต่างจาก SEO เดิมที่มุ่งเน้น “คีย์เวิร์ด” และ “ลิงก์ย้อนกลับ”
AI SEO มุ่งเน้น “ความเข้าใจ” และ “ความน่าเชื่อถือ” ของข้อมูล
เปรียบเทียบ SEO เดิม vs AI SEO
| หัวข้อ | SEO แบบเดิม | AI SEO ยุคใหม่ |
|---|---|---|
| โฟกัสหลัก | คีย์เวิร์ด | ความหมาย (Entity) |
| วัดผล | อันดับคีย์เวิร์ด | การปรากฏใน AI Overview / SGE |
| เนื้อหา | Keyword Density | Semantic Context + E-E-A-T |
| ลิงก์ภายใน | Anchor Text | Topical Graph |
| การมองของระบบค้นหา | จับคำ | ทำความเข้าใจ “ความรู้” |
| Schema | ไม่จำเป็น | จำเป็นอย่างยิ่ง |
Entity คือหัวใจของ AI SEO
AI Search ไม่ได้ “อ่านคำ” แบบเดิมอีกต่อไป
แต่จะ “ตีความหมาย” ของคำนั้นผ่านสิ่งที่เรียกว่า Entity (หน่วยข้อมูล)
ตัวอย่าง:
“SEOHeroth” ไม่ใช่แค่คำ แต่คือ “เว็บไซต์เชิงความรู้ด้าน SEO สำหรับ AI Search”
AI จะเข้าใจ “SEOHeroth.com” เป็นหนึ่งใน Entity ใน Knowledge Graph
ซึ่งหมายความว่า เมื่อมีคนค้นว่า “AI SEO คืออะไร”
ระบบจะรู้ว่า “SEOHeroth.com” เป็นแหล่งข้อมูลน่าเชื่อถือในเรื่องนั้น
สรุป:
ถ้าเว็บของคุณไม่มี “โครงสร้างข้อมูลที่ทำให้ AI เข้าใจว่า คุณคือใคร / เชี่ยวชาญเรื่องอะไร”
เว็บคุณอาจ “หายไปจากผลลัพธ์ AI Search” แม้ยังอยู่ในผลลัพธ์ปกติ
AI Search (SGE / ChatGPT / Gemini) ทำงานอย่างไร?
AI Search อย่าง Google SGE ไม่ได้แค่ดึงเว็บมาเรียงตามคะแนน SEO อีกแล้ว
แต่มัน “อ่านหลายบทความ” → “สรุปเนื้อหา” → “สร้างคำตอบแบบ AI Generated”
ขั้นตอนการทำงานของ SGE (Simplified):
-
รวบรวมข้อมูลจากหลายแหล่งที่เชื่อถือได้
-
วิเคราะห์ความสัมพันธ์ของข้อมูล (Entity, Concept, Context)
-
สร้างสรุปคำตอบโดยใช้โมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM)
-
แสดงเนื้อหาสรุป (AI Overview) พร้อมลิงก์บางส่วนที่เกี่ยวข้อง
👉 ซึ่ง AI จะเลือกแหล่งข้อมูลจากเว็บที่ “โครงสร้างดี + มี Authority + มี Schema”
ดังนั้นเว็บที่ไม่ได้ใช้ Schema / ไม่มี E-E-A-T / เขียนแบบสปินเนื้อหา
จะถูก “อ่าน” แต่ไม่ถูก “แสดง” อีกต่อไป
⚙️ ปัจจัยหลักของ AI SEO ที่คุณต้องทำให้ได้
1. Content ต้องเข้าใจได้แบบ Contextual
AI ต้องเข้าใจว่าคุณ “พูดเรื่องอะไร” โดยไม่ต้องเจอคีย์เวิร์ดตรงตัว
ใช้แนวคิด Topic > Subtopic > Context
เช่น
“AI SEO” → “Entity Optimization” → “Schema Implementation”
ใช้ภาษาที่คนอ่านรู้เรื่อง และเชื่อมโยงกับบริบทจริง เช่น
-
อธิบาย “ทำไม” มากกว่า “คืออะไร”
-
ใช้ตัวอย่างจริง
-
สร้าง “ความสัมพันธ์ระหว่างแนวคิด” ภายในบทความ
2. Schema & JSON-LD คือกุญแจสำคัญ
Schema คือ “ภาษาที่ AI เข้าใจ”
เว็บไซต์ที่ติด SGE ส่วนใหญ่มีการใช้ Schema หลายแบบ เช่น
-
Article,FAQ,Author,Organization,Breadcrumb,WebPage -
ใช้
@id,about,mentions,sameAsเพื่อบอกว่าเนื้อหานี้เกี่ยวข้องกับอะไร
ตัวอย่างการใช้ Schema เพื่อบอก Entity:
3. E-E-A-T คือรากฐานความน่าเชื่อถือ
AI จะเลือกเนื้อหาจากผู้เขียนที่ “พิสูจน์ได้ว่าเชี่ยวชาญจริง”
ดังนั้นทุกบทความควรมี:
-
Author Schema + Bio จริง
-
อ้างอิงจากเว็บหรือเอกสารน่าเชื่อถือ
-
มีประสบการณ์ตรง (Experience)
-
มีชื่อเสียงในหัวข้อ (Expertise)
4. Internal Link + Topical Graph
SEO แบบใหม่ไม่ใช่ “ลิงก์ Anchor เดิม ๆ”
แต่เป็นการสร้าง “กราฟความรู้” (Knowledge Graph)
ที่เชื่อมโยงบทความทั้งหมดภายใต้หัวข้อเดียวกัน
ตัวอย่าง:
AI SEO → Entity SEO → Schema JSON-LD → E-E-A-T SEO
การทำแบบนี้จะช่วยให้ AI เข้าใจว่า
เว็บของคุณคือ “Authority” ในหมวด AI SEO
5. Performance + Crawl Structure
AI จะประเมิน “ความน่าเชื่อถือ” จากประสบการณ์ใช้งานเว็บ (UX)
ดังนั้นต้องปรับ Core Web Vitals ให้ดี เช่น
-
LCP < 2.5s
-
CLS < 0.1
-
INP < 200ms
รวมถึงตั้งค่า Sitemap, Robots.txt, และ Canonical ให้ชัดเจน
เครื่องมือที่ช่วยคุณทำ AI SEO ได้เร็วขึ้น
| ประเภท | เครื่องมือแนะนำ | ใช้ทำอะไร |
|---|---|---|
| Content Optimization | NeuronWriter, Surfer SEO, MarketMuse | วิเคราะห์ Intent, Entity |
| AI Writer | ChatGPT, Claude, Gemini | สร้าง Outline / Research |
| Technical SEO | Google NLP API, Screaming Frog | ตรวจจับ Entity และ Schema |
| Monitoring | Search Console, GA4, Ahrefs | ติดตามการมองเห็นใน AI Search |
ตัวอย่างกลยุทธ์ AI SEO ที่ใช้ได้จริง
Case 1: เพิ่ม Schema + FAQ → ติด AI Overview
เว็บไซต์ข่าวเทคโนโลยีไทยเพิ่ม Article + FAQ Schema
จากนั้นอัปเดตเนื้อหาให้เชื่อมโยง Wikipedia → ติดในผลลัพธ์ SGE ภายใน 2 สัปดาห์
Case 2: เพิ่ม Entity Mapping ด้วย Internal Link
เว็บ SEOHeroth ใช้กลยุทธ์เชื่อม Entity เช่นAI SEO ↔ Entity SEO ↔ E-E-A-T SEO
ช่วยให้ระบบเข้าใจโครงสร้างความรู้ของเว็บ และจัดให้อยู่ในกลุ่ม “ผู้เชี่ยวชาญ SEO ยุค AI”
สรุป: AI SEO คือการ “ทำให้ AI เข้าใจเว็บคุณเหมือนคน”
ยุคนี้ การทำ SEO ไม่ใช่เรื่องของการเอาชนะอัลกอริทึม
แต่คือการ “สื่อสารกับระบบปัญญาประดิษฐ์ให้เข้าใจสิ่งที่คุณเชี่ยวชาญจริง ๆ”
ใครที่ยังติดกับดัก “คีย์เวิร์ด” และ “Backlink ปลอม”
จะถูกทิ้งไว้ข้างหลังโดยเว็บที่เข้าใจ “AI และ Entity” ก่อนใคร

